วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

หิ่งห้อย



หิ่งห้อย นับว่าเป็นแมลงที่มีคุณลักษณะพิเศษ คือสามารถบ่งชี้ถึงความอุดมสมบูรณ์และสมดุลของธรรมชาติได้ โดยเฉพาะมีคุณสมบัติที่สามารถใช้เป็น “ตัวห้ำ” ในการควบคุมศัตรูพืชตามหลักการทางชีวภาพ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่การเกษตรกรรม ซึ่งเป็นวิถีชีวิตหลักของคนไทย
หิ่งห้อยนี้ในระยะที่เป็นตัวหนอนจะกินหอยเล็กๆ เป็นอาหาร ซึ่งหอยเหล่านั้นเป็นพาหะนำโรคหลายชนิดมาสู่มนุษย์และสัตว์ เช่น โรคพยาธิใบไม้ในลำไส้โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น นอกจากนั้น หิ่งห้อย ยังเป็นตัวห้ำ ทำลายหอยเชอรี่
ซึ่งเป็นศัตรูสำคัญกัดกินทำลายต้นข้าว
ในระยะลงกล้าและระยะปักดำใหม่ๆ หิ่งห้อยจึงเป็นแมลงที่มีความสำคัญทั้งในด้านการแพทย์และการเกษตร
ในกรุงเทพฯนี้ ในอดีตบริเวณปากคลองบางลำพูล
เคยมีหิ่งห้อยเป็นจำนวนมาก แต่ก็หมดไป เมื่อวิถีชีวิตของผู้คนแถบนั้นเปลี่ยนไป เมื่อ พ.ศ. 2542 กรมศิลปากรร่วมกับกรุงเทพมหานครได้บูรณะป้อมพระสุเมรและบริเวณจัดสร้างเป็นสวนสาธารณะสันติชัยปราการ และสร้างพระที่นั่งสันติชัยปราการ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าพักผ่อนหย่อนใจน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศล ได้มีการปลูกต้นลำพูและเลี้ยงหิ่งห้อย เพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์ เป็นการฟื้นฟูวิถีชีวิตบางลำพู
ในอดีตด้วย
สถานที่ชมหิ่งห้อยที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน เช่น ที่ริมคลองตลาดน้ำอัมพวา
อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม เกาะลัด อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีมากในช่วงฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม - ตุลาคม ควรเลือกชมในคืนเดือนมืด เพราะเห็นแสงของหิ่งห้อยได้อย่างชัดเจน

วันศุกร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันแม่


คำนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในใจลูกทุกคน จนยากที่จะเปรียบเทียบได้ กับทุกสรรพสิ่งในโลก ดังคำขวัญที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานไว้ว่า “แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก คนที่เที่ยววิ่งหาพระเพื่อกราบไหว้พระอรหันต์ อย่าลืมว่ามีพระอรหันต์อยู่กับตัวแล้ว ควรปฏิบัติต่อแม่อย่าให้บกพร่องได้” พระคุณของแม่อันประกอบไปด้วยความรักที่มีต่อลูกอย่างสุดหัวใจเช่นนี้ คงไม่ยากจนเกินไปนัก หากเอ่ยคำว่า “รัก” ให้แม่ได้ชื่นใจบ้าง เพราะคุณอาจโชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่ได้เพียงแต่รำลึกถึงพระคุณแม ่ผ่านภาพและเงาที่ตราตรึงไว้ในความทรงจำเท่านั้นว่า “ลูกรักแม่”

กลอนวันแม่

โอ้แม่ข้ายิ่งใหญ่ใครมิเท่า แม่ข้าเล่านี้ใครจะเสมือน

แม่ข้านี้รักลูกมิแลเลือน เปรียบเสมือนน้ำทิพย์ในดวงใจ

อันสิบนิ้วประนมก้มลงกราบ แทบพระบาทด้วยรักเป็นไหนไหน

ด้วยความรักพักดีที่จิตใจ เปรียบรักใดไม่เท่ารักแม่เอย

วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ครูพิเศษจอมป่วน รีบอร์น

REBORN

เป็นการ์ตูนญี่ปุ่น เรื่องและภาพโดย อากิระ อามาโนะ มีเนื้อหาเกี่ยวกับ ซาวาดะ สึนะโยชิ ชื่อเรียก สึนะ เด็กนักเรียนมัธยมต้นโรงเรียนนามิโมริทีไม่มีความโดดเด่น และไม่มีความสามารถทางการเรียนหรือกีฬา ถูกตั้งฉายา ว่า "สึนะจอมห่วย" หรือ "เจ้าเห่ยสึนะ" จนกระทั่ง "รีบอร์น" ซึ่งมองดูเผิน ๆ เหมือนเป็นเด็กทารก มาเป็นครูฝึกพิเศษจาก อิตาลีโดยมีอาชีพหลักเป็นนักฆ่ามือของวองโกเล่ แฟมิลี่ มาเฟียแห่งอิตาลี วัตถุประสงค์อันแท้จริงของรีบอร์นไม่ใช่เพียงการสอนหนังสือ แต่เพื่อฝึกให้ สึนะเป็นหัวหน้าแก๊งมาเฟียรุ่นที่ 10 ของวองโกเล่ แฟมิลี่ เนื่องจากเขาเป็นทายาทโดยตรงของผู้ก่อตั้งวองโกเล่ แฟมิลี่ การต่อสู้ของสึนะจึงเริ่มขึ้น





แนะนำตัวละคร



ซาวาดะ สึนะโยชิ
(Sawada Tsunayoshi) เรียกอีกชื่อว่า สึนะ - เกิดวันที่ 14 ตุลาคม อายุ 14 ปี สูง 157 เซนติเมตร หนัก 46 กิโลกรัม เป็น ทายาทสายตรงของวองโกเล่รุ่นที่หนึ่ง หลังจากถูกรีบอร์นฝึกอย่างหนัก ในที่สุดก็สามารถควบคุมการต่อสู้โดยใช้ไฟดับเครื่องชนได้ นั้นก้คือ เดือดทะลุจุดศูนย์ แต่ในระหว่างสู้กับ Xanxus ในศึกชิงแหวน สึนะได้คิดค้นเปลี่ยนแปลงเป็น เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง มีอาวุธคือถุงมือไหมพรม หรือ X glove ใช้จุดไฟที่ถุงมือเพื่อช่วยในการต่อสู้ และท่าไม้ตายเดือดทะลุจุดศูนย์ต้นตำรับและดัดแปลง ลักษณะของไฟธาตุ คือไฟธาตุนภา(สีส้ม) ซึ่งเปรียบดั่งแผ่นฟ้าซึ่งโอบอุ้มทุกสรรพสิ่งไว้ แหวนประจำตัว คือ แหวนวองโกเล่แห่งนภา และยังมีแหวนที่ได้มาจากลันเชียอีกวง รหัสประจำตัวของสึนะคือ 27
อาวุธ กล่อง แหวนแห่งนภา
X glove




โกคุเดระ ฮายาโตะ
(獄寺 隼人 Gokudera Hayato) แฟมิลี่คนแรกของสึนะ เกิดวันที่ 19 กันยายน สูง 168 เซนติเมตร หนัก 54 กิโลกรัม ใจร้อนแต่เทิดทูนสึนะมาก มีอาวุธคือระเบิดไดนาไมต์ ฉายาสโมกทิ้งบอมม์ฮายาโตะ (ในแอนิเมชันมีฉายาว่าเฮอร์ริเคนบอมบ์ฮายาโตะ) สามารถซ่อนระเบิดไว้ตามร่างกายได้ มุ่งมั่นจะเป็นมือขวาของสึนะ ไม่ค่อยชอบนิสัยของยามาโมโตะมากนักเนื่องจากยามาโมโตะเห็นแต่ละเรื่องเป็นแค่เล่นๆไม่เอาจริงเอาจัง เป็นน้องชายต่างมารดาของเบียงกี้ (แต่เขาเจอหน้าเบียงกี้ตรง ๆ จะเกิดอาการปวดท้องอย่างหนัก เพราะสาเหตุในวัยเด็กที่ว่าเคยโดนใช้เป็นหนูทดลอง Poison cooking เป็นประจำ) ลักษณะของไฟธาตุ คือไฟธาตุ วายุ (สีแดง)
ซึ่งเปรียบดั่งสายลม ที่พัดกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง แหวนประจำตัวคือแหวนวองโกเล่แห่งวายุ รหัสประจำตัวของโกคุเทระคือ 59
แม่ของโกคุเทระเป็นนักเปียโน ส่วนตัวโกคุเดระเองก็เล่นเปียโนมาตั้งแต่เด็ก ในฉบับแอนิเมชัน มีการแก้ไขบุคลิกภาพของโกคุเดระเล็กน้อย โดยไม่ให้โกคุเดระสูบบุหรี่



ยามาโมโตะ ทาเคชิ




(山本 武 Yamamoto Takeshi) เพื่อนสนิทคนแรกของสึนะ เกิดวันที่ 24 เมษายน สูง 177 เซนติเมตร หนัก 63 กิโลกรัม มีอาวุธคือขิงุเระคินโทคิของยามาโมโตะที่เปลี่ยนเป็นดาบญี่ปุ่นได้ ผู้ที่สอนเพลงดาบชิงุเระโซเอนให้เขาคือพ่อของเขา ชื่อ ยามาโมโตะ สึโยชิ ยามาโมโตะจริงจังต่อเบสบอลมาก ความรู้สึกค่อนข้างช้า มักจะคิดว่าเรื่องของมาเฟีย เป็นเรื่องล้อเล่น ใช้เพลงดาบของสำนักชิงุเระโซเอน โดยมีทั้งหมด8กระบวนท่า แต่ต่อมา ได้คิดกระบวนท่าอีก2กระบวนท่าขึ้นมาได้คือ กระบวนท่ารุกที่9ฝนสะท้อนเงา และ กระบวนท่าพิเศษที่10 มีชื่อว่า สควอนโทร่ ดิลอนดิเน่ (นางแอ่นประจัญบาน) ลักษณะของไฟธาตุ คือ ไฟธาตุพิรุณ(สีน้ำเงินเข้ม) ซึ่งเปรียบดั่งสายฝนซึ่งจะชำระล้างทุกสรรพสิ่ง แหวนประจำตัวคือแหวนแห่งพิรุณ รหัสประจำตัวของยามาโมโตะคือ 80


แรมโบ้



(ランボ Lambo) เด็กนักฆ่าที่คิดจะฆ่ารีบอร์นแต่ทำไม่สำเร็จ ภายหลังตกเป็นภาระให้สึนะต้องดูแล มีบาซูก้าทศวรรษที่บอสของโบวีโน่ แฟมืลี่[แฟมิลี่ที่เล็กกว่าวองโกเล่ แฟมิลี่ ]มอบมาให้ ซึ่งเป็นของเล่นประจำตัว เป็นผู้พิทักษ์แหวนแห่งอัสนีของวองโกเล่และเป็นเด็กที่ติงต๊อง ตั้งแต่เขาเกิดมาก็โดนฟ้าผ่าซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนร่างกายปรับตัวอย่างที่หาได้ยากหรือเรียกว่า อิเล็กทริคโก้ ควอยโอ้ (ผิวอัสนีบาต) ซึ่งเป็นเหตุทำให้แรมโบ้กลายเป็นผู้พิทักษ์แหวนแห่งอัสนี แรมโบ้ มีท่าไม้ตายคือ อิเล็กทริคโก้ คอนนาต้า และอิเล็กทริคโก้ รีเวิส สายฟ้าสำหรับเขาเหมือนเป็นลูกแมว รหัสประจำตัวของแรมโบ้คือ L




ฮิบาริ เคียวยะ



(雲雀 恭弥 Hibari Kyōya) กรรมการคุมกฏระเบียบประจำโรงเรียนนามิโมริ รักโรงเรียนมากถึงขนาดใช้เพลงริงโทนมือถือเป็นเพลงโรงเรียน ถึงแม้จะเป็นวันหยุดแต่เขาก็ยังใส่ชุดนักเรียนไปไหนมาไหน ฮิบาริยอมไม่ได้ที่จะมีคนมาดูถูกโรงเรียน หรือเด็กนักเรียนนามิโมริถูกทำร้าย เขาจึงเป็นคนที่ใคร ๆ ก็หวาดกลัว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้รับความเคารพยำเกรงเช่นเดียวกัน ฮิบาริเกลียดการสุมหัว มีฝีมือที่ร้ายกาจ แถมยังเป็นผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในวองโกเล่อีกด้วย อาวุธคือกระบองสั้น (ทอนฟา) ซึ่งติดอุปกรณ์เสริมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นลูกตุ้ม ตะขอเกี่ยว ฯลฯ ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นและแฮมเบอร์เกอร์ เกิดวันที่ 5 พ.ค. (จำได้ว่าตัวเองเกิดวันนี้เพราะว่าเป็นวันเด็กผู้ชาย) สูง 169 cm. หนัก 59 Kg. สัญชาติญี่ปุ่น มีคำพูดติดปากคือ จะขย่ำล่ะนะ รหัสประจำตัวของฮิบาริคือ 18 มี ดีโน้ เป็นครูสอนพิเศษ


โคลม โดคุโร่
(クローム 髑髏 Kurōmu Dokuro) แต่ก่อนเธอชื่อนางิ แต่มีอยู่วันหนึ่งที่เธอประสบอุบัติเหตุ ทำให้เธอเสียตาข้างขวา และ อวัยวะที่ท้องไปบางส่วน ซึ่งแพทย์ที่รักษาเธอ แนะนำให้พ่อแม่ของนางิ บริจาคอวัยวะให้ถ้าต้องการช่วยเหลือลูกของตน แต่ทั้งสองไม่สนใจ และตัดสินใจปล่อยให้นางิตาย
ตอนที่นางิกำลังจะตายนั้น เธอได้ยินเสียงของใครบางคน คนๆนั้นก็คือ
โรคุโด มุคุโร่ ได้ช่วยให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อให้เขายืมร่างของเธอ ซึ่งนางิก็ยินดีทำทุกอย่างเพื่อมุคุโร่ หลังจากนั้นเธอก็ใช้ชื่อว่า โคลม โดคุโร่ แล้วต่อสู้ในภาค"ศึกชิงแหวน"ในฐานะผู้พิทักษ์แห่งหมอกของสึนะ
ความสามารถในการต่อสู้ของโคลม ถือว่าเก่ง เธอมีความชำนาญในการใช้สามง่ามมาก และ เธอยังมีความสามารถของ"
ดวงตาวัฏสงสาร"อยู่ 2 ความสามารถ คือ พิภพนรก และ พิภพเดรัจฉาน
อีกความสามารถหนึ่งของโคลม คือ เธอสามารถทำให้ภาพลวงตากลายเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง สามารถจับต้องได้ ซึ่งนั้นอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ มุคุโร ต้องการเธอ และคอยปกป้องเธอตลอดเวลา รหัสประจำตัวของโคลมคือ 96


โรคุโด มุคุโร่




(六道 骸 Rokudō Mukuro) ชายหนุ่มผู้เต็มไปด้วยปริศนา เกิดวันที่ 9 มิ.ย. มีนิสัยชอบพูดคำสุภาพแต่ขัดกับการกระทำยิ่งนัก ใช้คำแทนตัวเองว่า "ผม" เรียกคนอื่นว่า "เธอ"ต้องการครอบครองร่างของสึนะ ในเนื้อเรื่องภาค "ศึกโกคุโย" มุคโร่ได้มาที่เมืองนามิโมริ พร้อมด้วยพรรคพวกอีก6คนที่แหกคุกมาด้วยกัน เข้าค้นหาตัว "บอสรุ่นที่10ของวองโกเล่" มุคุโร่ได้จับตัวฟูตะไป และใช้ความสามารถของฟูตะเพื่อหาจุดอ่อนของพรรคพวกของสึนะแต่ละคน และ มุคุโร่ก็ได้ส่งพรรคพวกของเขาจัดการพวกสึนะทีละคน เพื่อล่อให้สึนะมาหาตนที่โกคุโยแลน หลังจากนั้นมุคุโร่ได้ต่อสู้กับสึนะโหมดไฮเปอร์(ร่างโดนกระสุนเสียงบ่น) และได้พ่ายแพ้ในที่สุด และอีก10ปีข้างหน้าก็ได้ตายลงแล้วก็ใช้กระสุนสิงสู่ไปสิงนกฮูกของคนที่สู้กับโคลม
ที่ตาข้างขวาของมุคุโร่มีความสามารถ 6 ชนิดแตกต่างกัน ซึ่งแยกเป็น 6 พิภพ มุคุโร่เรียกความสามารถนี้ว่า "
ดวงตาวัฏสงสาร"
มุคุโร่ใช้สามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งจะถูกสร้างขึ้นมาจากพลังของมุคุโรเอง สามง่ามนี้เมื่อสร้างบาดแผลให้ผู้ใดได้ จะถือว่าเป็นการสัญญากับมุคุโร่ ให้มุคุโร่สิงร่างได้ โดยการสิงร่างมุคุโร่จะต้องใช้ "กระสุนสิงสู่" ซึ่งเป็นกระสุนต้องห้ามในวงการมาเฟีย เพราะ วิธีที่จะได้มานั้นอันตรายมาก เมื่อมุคุโร่ใช้กระสุนนี้ยิงใส่ตนเอง มุคุโร่จะสามารถสิงร่างของคนที่ทำสัญญาได้ รหัสประจำตัวของมุคุโร่คือ 69

เรื่องย่อ

ทุกคนนั้นต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อที่จะต่อกรกับกลุ่มวาเรียที่กำลังจะรู้ความจริงเรื่องแหวน และจะมาญี่ปุ่นในไม่ช้า รีบอร์นได้จัดครูฝึกของทุกคนไว้ ยกเว้นโครมและแรมโบ้ที่เพิ่งพบว่ามีแหวนอยู่ภายหลัง โดยที่รีบอร์นจัดครูสอนพิเศษไว้ ดังนี้
ซาวาดะ สึนะโยชิ - รีบอร์น
โกคุเทระ ฮายาโตะ - ดร. ชามาล
ยามาโมโตะ ทาเคชิ - พ่อยามาโมโตะ
ฮิบาริ เคียวยะ - ดีโน่
ซาซางาวะ เรียวเฮ - โคโรเนโร่
สึนะนั้นเพิ่งรู้ว่าแหวนแห่งอัสนีนั้นอยู่กับแรมโบ้ ระหว่างที่แรมโบ้นั้นถูกหมายหัวโดยเลวี่หนึ่งในวาเรีย พวกวาเรียนั้นมาถึงญี่ปุ่นก่อนกำหนด และทุกคนนั้นถูกจัดการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างผู้พิทักษ์ที่มีแหวนเหมือนกัน โดยแต่ละคืนนั้นจะมีหนึ่งศึก โดยมีลำดับดังนี้
ศึกแห่งอรุณ ระหว่าง ซาซางาวะ เรียวเฮ ปะทะ ลุสซูเรีย (ชนะ)
เวทีนั้นคือสนามประตูโรงเรียนที่ถูกจัดเป็นเวทีมวย ลุซซูเรียชอบใจเรียวเฮ แต่เขาต้องการที่จะให้สิ่งที่ชอบเป็นศพแล้วเก็บเอาไว้ในคอลเล็คชั่นส่วนตัวของเขา[เอาไปสตัฟ!!!]
ศึกแห่งอัสนี แรมโบ้ ปะทะ เลวี่ (แพ้)
เวทีนั้นอยู่บนดาดฟ้าโรงเรียน โดยที่มีพายุฟ้าผ่า แถมสายล่อฟ้าตั้งสูง แรมโบ้นั้นได้เรียกตัวเองจาก 20 ปีข้างหน้ามาสู้ แต่หมดเวลาของกระสุน บาซูก้าทศวรรษเสียก่อน จึงทำให้เลวี่ได้โอกาสโจมตีแรมโบ้อย่างรุนแรง แต่สึนะมาช่วยไว้ ทว่า ต้องถูกปรับแพ้เพราะสึนะเข้ามาช่วย
ศึกแห่งวายุ โกคุเดระ ฮายาโตะ ปะทะ เบลเฟกอล (แพ้)
เวทีอยู่ในอาคารโรงเรียนตึก A ที่มีลมพายุที่เกิดจากเครื่อง พร้อมระเบิดเวลา ระหว่างที่สู้เบลเฟกอลได้เห็นเลือดตัวเองจะกลายเป็นเหมือนกับคนบ้าและเก่งขึ้นด้วย โกคุเทระจึงได้ละทิ้งแหวน เพื่อหนีเอาชีวิตรอดหลังจากที่ระเบิดเวลาใกล้มาถึงตัวของเขาแล้ว
ศึกแห่งพิรุณ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ปะทะ สควอโล่ (ชนะ)
ภายในอาคาร ตึก B โดยที่ตึกโดนทุบจนแหลก แล้วมีน้ำไหลลงมาจากแท้งค์น้ำที่อยู่ข้างบนโดยที่ระหว่างที่สู้ยามาโมโตะได้รู้ว่าสควอโล่เคยถล่มสำนักชิงุเระโซเอนมาแล้ว แต่สควอโล่นั้นไม่สามารถมองเพลงดาบชิงุเระโซเอนท่าที่ 8 (พิรุณกระหน่ำแทง) โดยคิดว่าเป็น ฝนใบไม้ร่วง และก็ถูกปราบด้วยเพลงดาบชิงุเระโซเอนท่าที่ 9(ฝนสะท้อนเงา) ซึ่งเป็นท่าที่คิดค้นด้วยตัวเอง และโดนฉลามกิน(แต่ยังไม่ตาย)
ศึกแห่งเมฆา ฮิบาริ เคียวยะ ปะทะ โกล่า มอสก้า (ชนะ)
สนามโรงเรียนที่เต็มไปด้วยกับระเบิด และถูกยิงโดยปืนกลจากด้านนอก ฮิบาริชนะด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว แล้วจึงท้าสู้กับ XANXUS ในระหว่างที่สู้กับ XANXUS มอสก้าก็เกิดบ้าคลั่ง สึนะต้องหยุดมัน แต่ว่ารุ่นที่ 9 ตัวจริงนั้นถูกจับไว้อยู่ข้างใน ในสภาพที่เกือบตาย
ศึกแห่งสายหมอก โครม โรคุโด ปะทะ มาม่อน [ไวเปอร์] (ชนะ)
ภายในโรงยิม ที่ไม่มีอะไรพิเศษ มามอนได้ใช้พลังปลดผนึกจุกนมขึ้นมากลายเป็น อัลโกบาเลโน่ ไวเปอร์ แล้วใช้พลังของตนเองโจมตีโครม จนหอกสามง่ามของโครมหัก จนโครมสลบไป และท้องก็ยุบลงไปเรื่อยๆ ขณะที่โครมกำลังแย่ มุคุโร่นั้นจึงมาสลับเปลี่ยนกับโครม แล้วใช้พลังของตนเองที่ได้มาจากในนรกจัดการกับไวเปอร์
ศึกแห่งนภา ซาวาดะ สึนะโยชิ ปะทะ Xanxas (ชนะ)
ทั่วโรงเรียน โดยต้องช่วยผู้พิทักษ์ของตัวเองทั้งหมดก่อนครึ่งชั่วโมง โดย ซันซัส ใช้ความสามารถของรุ่นที่ 2 และอาวุธของรุ่นที่ 7 ส่วนสึนะได้สำเร็จท่าใหม่ เดือดทะลุจุดศูนย์ ของรุ่นที่ 1 และได้คิดค้น เดือดทะลุจุดศูนย์ฉบับดัดแปลง ที่ดูดพลังไฟดับเครื่องชนของคู่ต่อสู้ได้ หลังจากนั้นสึนะก็สามารถใช้ เดือดทะลุจุดศูนย์แบบต้นตำรับ ที่ทำให้แช่แข็งศัตรูได้
หลังจากที่สึนะชนะ ซันซัส แล้วก็ได้รู้ว่าแผลของ ซันซัส เกิดจากที่วองโกเล่รุ่นที่ 9 ใช้เดือดทะลุจุดศูนย์ แช่แข็ง และได้รู้อีกว่า ซันซัส ไม่ใช่ลูกแท้ๆของรุ่นที่ 9 แค่เป็นเด็กฝากมาเลี้ยงเท่านั้น จากนั้นเบลเฟกอลและมาม่อนได้เรียกกลุ่มวาเรียที่เหลือมาช่วย แต่ว่าถูกลันเซียกำจัดหมด และผู้พิทักษ์ของสึนะทุกคนก็ได้แหวนไป


วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

cartoon

devil may cry
Devil May Cry ภาคต่อมาคือ Devil May Cry 2 (วางจำหน่ายในปี พ.ศ. 2546 สำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2) , Devil May Cry 3: Dante's Awakening (สำหรับเครื่องเพลย์สเตชัน 2 ในปี พ.ศ. 2548 และได้พัฒนาให้เล่นในคอมพิวเตอร์สำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์ ได้ในปี พ.ศ. 2549) และ Devil May Cry 4 และ devil may cry 0rigins: the legend of nitrisht (สำหรับเครื่องgamesbox dmc0o ver. และเครื่องclub1. และเครื่องger.playsfuns 3)
ตัวละคร
ดันเต้
ลูกชายคนเล็กของอัศวินปีศาจสปราด้ากับหญิงสาวชาวมนุษย์ที่ชื่อว่าอีวา มีพี่ชายฝาแฝดชื่อว่า เวอร์จิล ดันเต้มีนิสัยยียวนและดูไม่ค่อยมีแก่นสาร แต่มีฝีมือในการต่อสู้ที่เก่งในการใช้ดาบ (ดาบที่ดันเต้ใช้คือ รีเบลเลี่ยน (Rebellion) หรือ จอมกบฎ ซึ่งเป็นดาบของสปราด้าผู้เป็นพ่อ) และปืนคู่ (เป็นปืนสีดำและสีขาว มีชื่อเรียกว่า IVORY และ EBONY) ถึงแม้ภายนอกจะดูเป็นพวกกะล่อนค่อนไปทางเจ้าชู้ แต่ดันเต้ก็รักแม่ของเขา (อีวา) มาก ทว่าเมื่อ 20 ปีก่อนตามเวลาภาคแรก ดันเต้ต้องสูญเสียอีวาไปด้วยมือของมุนดัส เหตุก็เพราะอีวาใช้ตัวเองในการปกป้องดันเต้ ดันเต้จึงจงเกลียดจงชังปีศาจมากและดำรงอาชีพนักฆ่าปีศาจ
เนโร แองเจโล่
พี่ชายฝาแฝดของดันเต้ที่หายสาบสูญไปตั้งแต่วันที่อีวาตาย มีชื่อเดิม คือ เวอร์จิล เคยคิดจะปราบราชาปิศาจมุนดัสมาก่อน แต่ว่าแพ้ เลยกลายมาเป็นลูกน้อง มีจี้ห้อยคอที่ใช้ ผนึก ดาบสปาด้าไว้ ซึ่งอีกอันอยู่ที่ดันเต้ ถ้าเอามารวมกัน จะได้ดาบสปราด้าที่โดนผนึกไว้มา สุดท้ายถูกล้างสมองกลายเป็นปีศาจทำให้ดันเต้ต้องฆ่าพี่ชายตัวเอง
สปราด้า
อดีตอัศวินดำแห่งโลกปีศาจผู้แข็งแกร่งที่สุด เคยภักดีต่อโลกปีศาจแต่ภายหลังทรยศเผ่าพันธุ์ตัวเองเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ สปราด้าเข้าข้างและคอยดูแลมนุษย์จากปีศาจ จนกระทั่งพบรักและแต่งงานกับสาวชาวมนุษย์ ซึ่งมีชื่อว่า อีวา สปราด้ากับอีวามีลูกด้วยกันสองคนคือ ดันเต้ และ เวอร์จิล ต่อมาเมื่อมุนดัสต้องการครอบครองโลกมนุษย์ทำให้สปราด้าต้องเปิดศึกสงครามกับมุนดัส กระทั่งใช้ตัวเองเพื่อผนึกปิดประตูโลกปีศาจ
ราชาปิศาจ มุนดัส
ราชาแห่งปิศาจทั้งหมด เคยคิดจะครอบครองโลกมนุษย์มาครั้งหนึ่งแต่ก็ถูกขัดขวางและถูกฆ่าโดยสปราด้า อัศวินของตนซึ่งเปลี่ยนฝ่ายไปเข้าข้างมนุษย์ แต่ว่ามุนดัสฟื้นคืนชีพมาได้ภายหลัง มุนดัสฆ่าอีวา และพยายามเปิดประตูโลกปิศาจเพื่อให้ปิศาจครองโลกอีกครั้ง แต่ก็โดนฆ่าอีกครั้งโดยดันเต้ ลูกชายของสปราด้านั่นเอง
ทริช
หญิงสาวปริศนาซึ่งมีใบหน้าพิมพ์เดียวกับอีวา เธอเป็นคนจ้างงานดันเต้มาปราบปิศาจที่เกาะมัลเล็ต แต่แท้จริงแล้วคือการล่อดันเต้มาฆ่า เพราะทริชคือปีศาจที่มุนดัสสร้างขึ้นมาเพื่อให้หน้าตาคล้ายกับแม่ของดันเต้ ถึงแม้จะถูกทริชทรยศแต่ดันเต้กลับช่วยชีวิตทริชเอาไว้ ทำให้เธอกลับใจและใช้ตัวเองปกป้องดันเต้เหมือนกับอีวาเมื่อ 20 ปีก่อน ในที่สุดดันเต้กับทริชก็ปรับความเข้าใจกันได้และมาอยู่ร่วมกัน(ในภาคสี่มีการเปิดตัวร่างจริงของทริช มีชื่อว่า กลอเรีย)